วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทัชมาฮัล


ถ้าถามว่า “ความรักคืออะไร“…. อย่าคิดหาคำตอบให้เสียเวลา…เพราะว่าเราจะไม่ได้ความหมายที่แท้จริงเลย คำๆ นี่ไม่มีแม้กระทั่งคำจำกัดความของตัวมันเอง เรารู้แต่เพียงว่า “ความรัก” นั้น สามารถบันดาลให้เกิดขึ้นได้ทุกสิ่ง

ทัชมาฮัล คือตัวอย่างของตำนานแห่ง “ ความรัก” ที่ปราศจากนิยามคำนี้ ผู้ที่สร้างตำนานความรักอันยิ่งใหญ่คือ กษัตริย์ชาห์ญะฮาน กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์โมเลกุล ที่ทรงโปรดให้สร้าง ตาซมะฮัล หรือ ทัชมาฮัลขึ้นเป็นอนุสรณ์แทนความรักที่พระองค์มีต่อมเหสีคือ พระนางมุมตาซ มะฮัล จนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่งดงามที่สุดในโลก กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน ทรงเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ญะฮางงีร์ ทรงประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1592 เป็นที่ร่ำลือตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้าชายที่ทรงเคร่งขรึม ในพระทัยเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ความเป็นคนอมทุกข์ของพระราชโอรสสร้างความหนักพระทัยให้กับพระราชบิดาเป็นอย่างมาก กษัตริย์ญะฮางีร์ ทรงแนะนำให้พระราชโอรสดื่มน้ำจัณฑ์และหาความสำราญพระทัยด้านต่างๆ มาสู่พระราชโอรส แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ชาห์ ญะฮาน ยังทรงเคร่งขรึมไม่เบิกบานพระทัยเช่นเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง เจ้าชายได้เสด็จประพาสตลาดและได้พบกับสาวน้อยวัย 14 ปี นามว่า อรชุนด์ บาโน เบคุม เป็นบุตรสาวของ อะซีฟ ข่าน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1592 และมีเชื้อสายเปอร์เซีย เพียงได้เห็นดวงหน้าของนางครั้งแรกเจ้าชายก็เกิดรักแรกพบขึ้นที่ตลาดนั่นเอง 3 ปีให้หลัง พิธิอภิเษกสมรสของเจ้าชายก็ถูกจัดขึ้นในปี ค.ศ. 1612 หลังจากพิธีอภิเษก อรชุนด์ บาโน เบคุม ได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า มุมตาซ มะฮัล ซึ่งแปลว่า อัญมณีแห่งปราสาท หลังจากนั้นเป็นต้นมาเจ้าชายก็ทรงเปลี่ยนไป เพราะเบิกบานพระทัยยิ่งนัก อีกทั้งสองพระองค์ก็เป็นคู่รักที่ไม่เคยแยกจากกันเลย ในปี ค.ศ. 1628 เจ้าชายเสด็จขึ้นครองราชบังลังก์ ทรงพระนามว่า กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน โดยมีพระนางมุมตาซ มะฮัล เป็นพระมเหสีคู่พระทัย พระนางทรงเป็นทั้งคู่คิดและที่ปรึกษา และ มีส่วนในการช่วยเหลือพระสวามีในการปกครองบ้านเมือง อีกทั้งยังทรงเป็นที่รักใคร่ของพสกนิกรทั่วหล้า พระนางมุมตาซ มะฮัล ทรงให้กำเนิดพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 14 พระองค์ หลังจากทรงให้กำเนิดพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในช่วงปี ค.ศ. 1631 พระนางได้เสด็จร่วมกรีธาทัพกับพระสวามี ณ เมืองเดคข่าน แต่ระหว่างเสด็จกลับพระนครพระนางก็ทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ในที่สุดขบวนเคลื่อนพระศพสู่พระนครนั้น ถูกจัดอย่างเอิกเกริกมโหฬาร ตลอดเส้นทางที่เคลื่อนขบวนมีการโปรยทานแก่คนยากจน เมื่อขบวนเคลื่อนเข้าใกล้กรุงอาครา ผู้ที่อาลัยรักพระนางต่างมาสมทบมากขึ้นจนเป็นขบวนแห่พระศพที่ยิ่งใหญ่มาก กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน โปรดให้นำอาหารมาเลี้ยงแก่ประชาชนทั้งหลายอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศแก่พระมเหสีอันเป็นที่รักยิ่ง การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพระมเหสีสุดที่รักสร้างความโทมนัสตรอมพระทัยให้กับกษัตริย์ชาห์ ญะฮานเป็นอย่างมาก พระองค์ไม่ทรงเสวยและไม่ทรงพระบรรทม ทรงแต่ฉลองพระองค์ด้วยเครื่องนุ่มห่มสีขาวเป็นการไว้ทุกข์ และทรงเสด็จเยี่ยมหลุมฝังศพของพระนางทุกวันศุกร์ด้วยความอาลัยรักอย่างยิ่ง จึงโปรดให้สร้างอนุสาวรีย์แห่งความรักขึ้นมาอย่างวิจิตรอลังการ และให้ชื่อเรียกว่า ตาซ มะฮัล สร้างอยู่บนพื้นที่ 42 เอเคอร์ ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในการก่อสร้างนั้น กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน โปรดให้ระดมช่าง ศิลปิน และสถาปนิกที่ได้ชื่อว่าฝีมือดีเยี่ยมที่สุดจากหลายๆ ที่ ประมาณ 20,000 คน ใช้เวลาการในก่อสร้าง 22 ปี สิ้นค้าใช้จ่ายในการก่อสร้างไปประมาณ 45 ล้านรูปี พระอนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างด้วยศิลาขาวทั้งหมดมีโดมทรงกลมเด่นอยู่ตรงกลาง สูงถึง 72 เมตร บริเวณโดยรอบมีผนังศิลาแลงล้อมรอบ ประตูทางเข้าวางอยู่บนฐานศิลาแลง บริเวณทางเข้ามีสระน้ำหินอ่อนสีขาวรอบทางเดินเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ ตำแหน่งที่เป็นที่วางพระศพของพระนางมุมตาซ ทำเป็นแท่นรูปบัวตูม ส่วนหีบพระศพเป็นหินอ่อนสีขาวแกะสลักอย่างงดงาม หลังจากที่เป็นที่สร้างทัชมาฮาลเสร็จแล้ว กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน ได้เสด็จมายังสถานที่แห่งนี้เสมอๆ จนกระทั่งในค.ศ. 1658 ก็ทรงล้มป่วย พระราชโอรสองค์ที่ 3 คือ ออรังเซป ก็ตั้งตนขึ้นครองราชบัลลังก์แทน และจับกษัตริย์ชาห์ ญะฮาน พระราชบิดา กักขังไว้จนสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1666 ก่อนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ระหว่างที่ถูกกักขังอยู่กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน เฝ้าแต่นั่งจ้องมองดูกระจกชิ้นเล็กๆ ที่ส่องสะท้อนออกไปเห็นทัชมาฮัล พระองค์สวรรคตพร้อมด้วยกระจกที่กำแน่นอยู่ในพระหัตถ์ และ พระบรมศพของพระองค์ก็ได้ถูกนำไปฝังในทัชมาฮัล เคียงข้างกับพระมเหสีสุดที่รัก ตามพระประสงค์ที่ทรงต้องการจะอยู่เคียงคู่กันตราบชั่วนิจนิรันดร์ ตำนานอันเลื่องลือของความรักที่ปรากฏไปทั่วโลกเรื่องนี้ ยังมีเรื่องเล่าในอีกแง่มุมหนึ่งเกิดขึ้นมาที่ว่ากันว่ากษัตริย์ชาห์ ญะฮาน สร้างทัชมาฮัลขึ้นมาด้วยความเห็นแก่ตัว โดยไม่คิดถึงหลักมนุษยธรรม และทัชมาฮัลก็กลายเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะในการสร้างทัชมาฮัล กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน ระดมช่างฝีมือดีมาเป็นจำนวนมากและมีกฎว่าต้องสร้างให้เสร็จตามกำหนดเวลา ถ้าสร้างไม่เสร็จก็จะถูกลงโทษ และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า เมื่อสร้างทัชมาฮัลเสร็จแล้ว ช่างทุกคนก็ถูกฆ่าตาย จนหมดเพื่อป้องกันไม่ให้ไปสร้างสถานที่ที่งดงามเช่นนี้เลียนแบบไว้ที่ไหนอีก บ้างก็ว่า กษัตริย์ชาห์ ญะฮาน อาจะไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างทัชมาฮัลให้ยิ่งใหญ่เพื่อความรัก แต่มีแผนการที่จะสร้างปราสาทที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เพื่อสนองความต้องการ - ของตัวเอง และในการสร้างทัชมาฮัลนี้ ทำให้ประเทศอินเดียต้องสูญเสียเงินที่จะมาสร้างความเจริญให้กับประเทศ ไปถึง 250 ปี อย่างไรก็ตาม โลกก็ได้ให้รางวัลสำหรับ - ความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ด้วยการจัดให้ทัชมาฮัล เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตราบมาจนถึงปัจจุบันนี้

มารู้จักกล้ามเนื้อกัน >>>



เจาะลึกร่างกายมนุษย์Kirsteen Rogers & Corinne Henderson
กล้ามเนื้อ Musclesกล้ามเนื้อเป้นเนื้อเยื่อที่ยืดหดได้และพบอยู่ทั่วร่างกาย ทำหน้าที่ตอบสนองการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อที่เราสามารถควบคุมได้ เช่น กล้ามเนื้อที่ใช้ยกแขน เรียกว่า กล้อมเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ ส่วนกล้ามเนื้อที่ทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น กล้ามเนื้อที่ทำให้หัวใจเต้น เรียกว่า กล้ามเนื้อที่อยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ กล้ามเนื้อแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่ กล้ามเนื้อโครงร่าง กล้ามเนื้อหัวใจ และกล้ามเนื้ออวัยวะภายใน
กล้ามเนื้อโครงร่างร่างกายคนเราประกอบด้วยกล้ามเนื้อโครงร่างประมาณ 640 มัด เป้นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจจิตใจเกาะติดกับกระดูกด้วยเนื้อเยื่อเหนียวที่เรียกว่า เอ็นกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อบางมัดยึดกับผิวหนัง ตัวอย่างของกล้ามเนื้อโครงร่าง ได้แก่ กล้ามเนื้อใบหน้าทำให้คนเราแสดงความรู้สึกต่าง ๆ ได้ เมื่อกล้ามเนื้อหดตัวจะสั้นลงและดึงขึ้น ดึงกระดูก (หรือผิวหนัง)ให้เคลื่อนที่ไปด้วย แต่เนื่องจากกล้ามเนื้อไม่สามารถผลักเองได้ จริงต้องอาศัยกล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ช่วยดึงส่วนของร่างกายให้เคลื่อนที่กลับไปยังตำแหน่งเดิม ขณะที่กล้ามเนื้อมัดหนึ่งหดตัว เรียกว่า ตัวทำการ (agonist) กล้ามเนื้ออีกมัดจะลายตัว เรียกว่า ตัวต้าน (antagonist) กล้ามเนื้อที่ทำงานเป็นคู่ในลักษณะดังกล่าวนี้ เรียกว่ากล้ามเนื้อคู่ตรงข้าม (antagonistic pair)กล้ามเนื้อไบเซปส์ (biceps) และ ไทรเซปส์ (triceps) ที่ต้นแขนเป็นตัวอย่างขอ่งกล้ามเนื้อคู่ตรงกันข้าม ลองจับที่ต้นแขนของตัวเองเบา ๆ ในขณะที่งอและเหยียดแขนสลับไปมา คุณจะรู้สึกว่าขณะที่กล้ามเนื้อมัดหนึ่งหดตัว กล้ามเนื้ออีกมัดหนึ่งจะคลายตัว
กล้ามเนื้อหัวใจส่นประกอบของหัวใจเกือบทั้งหมดเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ และทำงานต่อเนื่องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กล้ามเนื้อหัวใจทำงานแยกเป็น 2 ส่วน กล่าวคือ ส่วนของหัวใจห้องบนหดตัว เพื่อบึบเลือดลงไปยังหัวใจห้องล่างและส่นวของหัวใจห้องล่างหดตัวเพื่อบีบเลือดเข้าไปในหลอดเลือดแดง
กล้ามเนื้ออวัยวะภายในกล้ามเนื้ออวัยวะภายในพบที่ผนังของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ ซึ่งจะหดตัวเป็นจังหวะช้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เช่น กล้ามเนื้อของระบบย่อยอาหาร ที่บีบตัวดันอาหารให้เคลื่อนที่
เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อโครงร่างเป็นกล้ามเนื้อลายซึ่งประกอบขึ้นจากเซลล์รูปร่างเรียวยาวที่เรียกว่า เส้นใยกล้ามเนื้อ เส้นใจกล้ามเนื้ออยู่รวมกัน เรียกว่า กลุ่มเส้นใยกล้ามเนื้อ เส้นใจกล้ามเนื้อแต่ละเส้นประกอบขึ้นจากเส้นใยฝอยกล้ามเนื้ออยู่รวมกัน ภายในเส้นใยฝอยกล้ามเนื้อมีเส้นใยละเอียดชนิดหน้าและบางยึดเกี่ยวกันอยู่ เส้นใยละเอียด ชนิดหน้าประกอบด้วยโปรตีนชนิดหนึ่งเรียกว่า ไมโอซิน (myosin) ส่วนเส้นใยละเอียด ชนิดบาง เป็นโปรตีนอีกชนิด เรียกว่า แอกติน (actin) เมื่อกล้ามเนื้อหดตัว เส้นใยละเอียดจะเลื่อนมาซ้อนกัน ทำให้กล้ามเนื้อสั้นและหน้าขึ้นกล้ามเนื้อแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดหดตัวช้า ซึ่งใช้พลังงานหดตัวน้อยกว่า ทำให้ทำงานได้นาน โดยไม่ล้า ชนิดหดตัวเร็ว ซึ่งใช้พลังงานหดตัวมากกว่า สามารถให้กำลังออกมามากในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ล้าเร็วกล้ามเนื้อที่ต้นคอที่พยุงรับน้ำหนักศีรษะเป็นกล้ามเนื้อชนิดหดตัวช้ากล้ามเนื้อแขนที่ใขว้างวัตถุเป้นกล้ามเนื้อชนิดหดตัวเร็วกล้ามเนื้อหัวใจประกอบขึ้นจากเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจซึ่งเป็นกล้ามเนื้อลายชนิดหนึ่งมีเส้นใยที่เกรี่ยวกันเป็นรูปตัว Y กล้ามเนื้ออวัยวะภายในประกอบขึ้นจากเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อเรียบมีรูปร่างคล้ายกระสวยทอผ้า